ทัวร์โมรอคโคเจาะลึก ปี 2567 12 วัน 9 คืน พัก 5 ดาว กับผู้ชำนาญทัวร์โมรอคโคกว่า 20 ปี
ทัวร์แกรนด์โมรอคโค 12 วัน 9 คืน ปี 2567 พัก 5 ดาว
โดยสายการบิน กาตาร์ แอร์เวย์ส (QR)
บินถึงเช้า บินออกบ่าย มีเวลาเที่ยวมากขึ้น
Grand Morocco 12 Days 9 Nights Year 2024 by Qatar Airways (QR)
ทัวร์โมรอคโค แบบเจาะลึก 12 วัน 9 คืน แพคเกจทัวร์โมรอคโค ทัวร์ตลาดบน อยู่ดี กินดี พัก 5 ดาว ทัวร์โมร็อกโก เที่ยวโมรอคโค สนุก ได้สาระความรู้ โดย คุณสิทธิชัย อุดมกิจธนกุล (คุณเส็ง) ผู้ชำนาญ ทัวร์โมรอคโค Tour Morocco แบบเจาะลึก กว่า 20 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) พร้อมทีมงานมืออาชีพ
TOUR CODE : MC990512MZ
อำนวยการทัวร์โดย คุณสิทธิชัย อุดมกิจธนกุล (เส็ง) ผู้บุกเบิกเส้นทางทัวร์โมรอคโคแบบเจาะลึก มากว่า 14 ปี
*** จุดเด่นของรายการทัวร์ แกรนด์โมรอคโค 12 วัน 9 คืน ปี 2567 *** • รายการทัวร์ ออกแบบเส้นทางโดยผู้ชำนาญทัวร์โมรอคโค ร่วม 20 ปี รู้ใจนักท่องเที่ยวชาวไทย |
TOUR CODE : MC990512MZ
ปี 2567 | กำหนดการเดินทาง | ระดับที่พัก | พักห้องคู่ |
พักห้องเดี่ยวจ่ายเพิ่มท่านละ |
เด็ก 3 – 11 ปี พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน |
มกราคม | วันที่ 9 – 20 ม.ค. 67 | 4 – 5 ดาว | 115,900.- | 22,500.- | 89,500.- |
กุมภาพันธ์ | วันที่ 6 – 17 ก.พ. 67 วันที่ 17 – 28 ก.พ. 67 |
4 – 5 ดาว | 115,900.- | 22,500.- | 89,500.- |
มีนาคม |
วันที่ 1 – 12 มี.ค. 67 |
4 – 5 ดาว | 115,900.- | 22,500.- | 89,500.- |
เมษายน | วันที่ 5 – 16 เม.ย. 67 (สงกรานต์) วันที่ 11 – 22 เม.ย. 67 (สงกรานต์) |
4 – 5 ดาว | 124,900.- | 25,400.- | 98,500.- |
เมษายน | วันที่ 20 เม.ย. – 1 พฤษภาคม 67 | 4 – 5 ดาว | 115,900.- | 22,500.- | 89,500.- |
พฤษภาคม | วันที่ 1 – 12 พ.ค. 67 วันที่ 17 – 28 พ.ค. 67 |
4 – 5 ดาว | 115,900.- | 22,500.- | 89,500.- |
มิถุนายน | วันที่ 1 – 12 มิ.ย. 67 วันที่ 14 – 25 มิ.ย. 67 |
4 – 5 ดาว | 115,900.- | 22,500.- | 89,500.- |
กันยายน | วันที่ 20 ก.ย. – 1 ต.ค. 67 | 4 – 5 ดาว | 115,900.- | 22,500.- | 89,500.- |
ตุลาคม | วันที่ 4 – 15 ต.ค. 67 วันที่ 18 – 29 ต.ค. 67 |
4 – 5 ดาว | 115,900.- | 22,500.- | 89,500.- |
พฤศจิกายน | วันที่ 1 – 12 พ.ย. 67 วันที่ 15 – 26 ต.ค. 67 |
4 – 5 ดาว | 115,900.- | 20,500.- | 89,500.- |
ธันวาคม | วันที่ 4 – 15 ธ.ค. 67 | 4 – 5 ดาว | 115,900.- | 20,500.- | 89,500.- |
ธันวาคม | วันที่ 21 ธ.ค. 67 – 1 ม.ค. 68 (ปีใหม่) วันที่ 25 ธ.ค. 67 - 5 ม.ค. 68 (ปีใหม่) |
4 – 5 ดาว | 132,900.- | 29,800.- | 112,400.- |
อัพเกรดชั้นบิสเนสคลาส เพิ่มท่านละ (เริ่มต้นที่) 120,000 .- บาท |
วันแรก | กรุงเทพฯ (Bangkok) – โดฮา (Doha) | B- | L- | D- |
17.00 น. สมาชิกพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส เคาน์เตอร์ Q ประตูทางเข้าที่ 8 เจ้าหน้าที่ คอยอำนวยความสะดวก และทำการเช็คอิน
20.00 น. บินสู่ โดฮา (Doha) โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส เที่ยวบินที่ QR 835 BKK DOH 20.00 – 22.50 (7.14 ช.ม) เชิญเพลิดเพลินกับจอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง พร้อมบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน
22.50 น. ถึง สนามบินกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ พักเปลี่ยนอิริยาบถและเปลี่ยนเครื่อง
วันที่สอง | โดฮา (Doha)– คาซาบลังกา (Casablanca) – ราบัต(Rabat) - แทนเจียร์(Tangier) | B- | L1 | D1 |
01.35 น. บินต่อ สู่เมืองคาซาบลังกา สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส ( Codeshare ) รอยัลแอร์มาร็อค เที่ยวบิน AT / QR 4567 DOH CMN 01.35 – 07.30 บินต่ออีกประมาณ 7.55 ชั่วโมง (รวมเวลาบิน และเปลี่ยนเครื่อง 18.05 ชม.)
07.30 น. เครื่องลงจอดที่สนามบินนานาชาติเมืองคาซาบลังก้า (Casablanca) ประเทศโมรอคโค (เวลาท้องถิ่นในประเทศ
โมรอคโค ช้ากว่าประเทศไทย 6 - 7 ช.ม.) หลังผ่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร พบมัคคุเทศก์ท้องถิ่นแล้ว
นำท่านเดินทางสู่ เมืองราบัต (Rabat) เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรโมรอคโค (ระยะทาง 115 กม.เวลาเดินทาง
ประมาณ 1.30 ชม.)
ชมเมืองราบัต เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรโมรอคโค เมื่อโมรอคโคหลุดพ้นจากการเข้าแทรกแซงทางการเมืองของฝรั่งเศส ตั้งแต่ปีค.ศ.1956 เป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวง และทำเนียบทูตานุทูตจากต่างแดน เป็นเมืองสีขาวที่สะอาดและสวยงาม จากนั้น ชมสุเหร่าหลวง และ พระราชวังหลวง ที่ทุกเที่ยงวันศุกร์ กษัตริย์แห่งโมรอคโคจะทรงม้าจากพระราชวังมายังสุเหร่า เพื่อประกอบศาสนกิจ ชมสุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5 พระอัยกา(ปู่) ของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน (โมฮัมเหม็ดที่ 6) ซึ่งมีทหารยามยืนเฝ้าสง่าทุกประตูและเปิดให้คนทุกชาติทุกศาสนาเข้าไปเคารพพระศพที่ฝังอยู่เบื้องล่าง ด้านหน้าของสุสาน คือสุเหร่าฮัสซันที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 ในบริเวณกว้าง 183x139 เมตร แต่ไม่สำเร็จ และพังลงจนเหลือแต่เพียงเสาไว้ 365 ต้น เนื่องจากแผ่นดินไหวที่เมืองลิสบอน ของโปรตุเกส ในปี คศ.1755
นำท่านชม ป้อมอูดายา (Oudayas Fortress) ป้อมขนาดใหญ่ 2 ชั้น ที่ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงใหญ่ เป็นป้อมที่สเปนสร้างขึ้นเมื่อสมัยที่สเปนยึดครองโมรอคโค ด้านในมีสวนดอกไม้แบบสเปน และเป็น เมดิน่า หรือชุมชนชาวเมืองซึ่งเต็มไปด้วยบ้านเรือนทาทาบด้วยสีฟ้า-ขาว บรรยากาศริมทะเลคล้ายเมืองซานโตรินี นับเป็นหนึ่งในป้อมปราการที่สำคัญของโมรอคโคในอดีตใช้ป้องกันข้าศึกจากการรุกรานทั้งจากประเทศที่ล่าอาณานิคมและในยุคที่โจรสลัดชุกชุม
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่เมืองแทนเจียร์ (Tangier) (ระยะทาง 252 กม.เวลาเดินทางประมาณ 3.00 ชม.) เป็นเมืองริมชายฝั่ง และเป็นเมืองท่าที่สำคัญ ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศโมร็อกโก และอยู่ทางตอนใต้ของ “ช่องแคบยิบรอลตาร์” ปัจจุบันเมืองท่าแห่งนี้ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งของโมร็อกโคอีกด้วย นอกจากนี้แล้วเมืองแทนเจียร์ยังเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ไม่น้อยไปกว่าเมืองอื่นๆ อีกทั้งรอบ ๆ ตัวเมืองยังมีความโดดเด่นด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม รวมไปถึงหาดทรายและผู้คนที่แสนจะเป็นมิตร
ชมวิว”ช่องแคบยิบรอลต้า” ที่คั่นแบ่งระหว่างทวีปยุโรป และ ทวีปแอฟริกา ด้วยระยะห่างเพียง 14 กิโลเมตร ตามตำนานเล่าว่า เป็นเพราะเทพเฮอร์คิวลิส ที่ต้องการเดินทางผ่านไปยังสุดขอบตะวันตกจึงยกแผ่นหินออกทำให้เกิดช่องแคบยิบรอลต้าขึ้น จากนั้นนำชม แกรนด์ ซัคโค (Grand Socco) หรือที่รู้จักกันว่า "บิ๊กสแควร์" จัตุรัสที่รายล้อมไปด้วยเขตเมืองเก่า หรือย่านเมดินา ซึ่งถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของเมืองแทนเจียร์ อีกทั้งยังถือว่าเป็นตลาดหลักของเมืองอีกด้วย
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ที่โรงแรม
พักที่โรงแรม HOTEL FARAH TANGIER ระดับ 5* หรือเทียบเท่า
วันที่สาม | แทนเจียร์ (Tangier) – เชฟชาอูน (Chefchaouen) - เมคเนส (Meknes) - | B1 | L2 | D2 |
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์
บ่าย นำท่านเดินทาง สู่ นครสีฟ้า เชฟชาอูน (Chefchaouen) (ระยะทาง 252 กม.เวลาเดินทางประมาณ 3.00 ชม.) เมืองที่ได้ชื่อว่า “ มนต์เสน่ห์แห่งโมร็อกโค “ แม้ว่า โมรอคโคจะเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา แต่เพราะการที่มีอาณาเขตติดต่อกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและมหาสมุทรแอตแลนติก จึงทำให้ภูมิอากาศของประเทศเป็นแบบเมดิเตอร์เรเนียนคล้ายตอนใต้ของอิตาลีและ สเปน
เมืองเชฟชาอูน (Chefchaouen) เป็นเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ในหุบเขาริฟ (Rif Mountain หรือ Er-Rif) ประวัติความเป็นมาของเมืองนั้นยาวนานกว่า 540 ปี ในอดีตก่อนที่โมรอคโคจะได้รับเสรีภาพในการปกครองประเทศทั้งหมดในปี 1956 เมืองเชฟชาอูน เคยอยู่ใต้การปกครองของสเปนมาก่อน และจนบัดนี้ประชากรที่มีประมาณ 40,000 กว่าคน ก็ยังคงใช้ภาษาสเปนกันอย่างแพร่หลาย
นำท่านเดินชมเมืองเชฟชาอูน เมืองที่ถือว่าเป็นสวรรค์ของคนรักสีฟ้าและสีขาว โดยเฉพาะสีฟ้า นั่นก็เพราะว่าเชฟชาอูนเป็นเมืองที่บ้านเรือนเกือบทุกหลังเป็นสีขาว และมีครึ่งล่างไปจนถึงบริเวณถนน บันได และทางเดิน เป็นสีฟ้าสดใสเหมือนวันที่ท้องฟ้าไร้เมฆ ประกอบกับอากาศบริสุทธิ์และความสะอาดของเมืองได้สร้างบรรยากาศผ่อนคลายสบายๆที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เหนื่อยล้ามาจากการตระเวนเที่ยวที่เมืองอื่นหายเหนื่อยได้ สำหรับท่านที่ชื่นชอบในสถาปัตยกรรมแบบโมรอคโค ไม่ควรพลาดเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ ที่บ้านเรือนทาทาบด้วยสีฟ้าและสีขาว ซึ่งจะสร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือนมิรู้ลืม
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านออกเดินทางสู่เมือง เมคเนส (Meknes) (ระยะทาง 195 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชม.)
แวะชม เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส (Roman city of Volubilis) ที่ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพังที่เกิดจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในปี ค.ศ. 1755 แต่ยังคงเห็นได้ถึงร่องรอยความยิ่งใหญ่ของเมืองในจักรวรรดิโรมันในอดีต อดีตเมืองโบราณแห่งจักรวรรดิโรมันแห่งนี้มีความสำคัญยิ่งในยุคศตวรรษที่ 3 และล่มสลายถูกปล่อยเป็นเมืองร้างในศตวรรษที่ 11 เมืองโรมันโบราณแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1997
ผ่านชมเมือง มูเล่ ไอดริส (Moulay Idriss) เมืองโรมันโบราณเมืองหนึ่งที่เป็นเมืองศูนย์กลางทางศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมในโมรอคโค ทุกๆ ปี ช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน จะมีเหล่านักจาริกแสวงบุญมาเยือนเมืองแห่งนี้เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาเปรียบได้กับเมืองเมกกะของประเทศซาอุดิอารเบีย เมคเนส (Meknes) หนึ่งในเมืองมรดกโลกรับรองโดยยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.1996 อดีตเมืองหลวงในสมัยสุลต่าน มูเล อิสมาอิล (Mouley Ismail) แห่งราชวงศ์อะลาวิท (Alawite Dynasty) ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์จอมโหดผู้ชื่นชอบการทำสงครามในช่วงศตวรรษที่ 17 ด้วยทำเลที่ตั้งที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง เมกเนสจึงเป็นเมืองศูนย์กลางการผลิตมะกอก ไวน์ และพืชพรรณต่างๆ มี กำแพงเมืองล้อมรอบเมืองเก่าที่ยาวประมาณ 40 กม. ซึ่งมีประตูเมืองใหญ่โตถึง 7 ประตู ผ่านชม ประตูบับมันซู (Bab Mansour Monumental Gate) เป็นประตูที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุด ตกแต่งด้วยโมเสคและกระเบื้องกระเบื้องสีเขียวสดบนผนังสีแสด
จากนั้นเดินทางสู่ เมืองเฟส (Fes) ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ที่ต่อจากเชิงเทือกเขารีฟซึ่งเฟสเป็นเมืองแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและมีเสน่ห์อันน่าประทับใจ (ระยะทาง 82 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1ชม.) เมืองหลวงเก่าในศ.ต. ที่ 8 ที่มีความความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนาตั้งแต่ยุค ศตวรรษ ที่ 8
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ที่โรงแรม
พักที่ โรงแรม LES MERINIDS HOTEL ระดับ 5* หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ | เฟส (Fes) | B2 | L3 | D3 |
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์
นำท่านชมประตูพระราชวังหลวงแห่งเฟส (The Royal Palace) ประตูทางเข้าพระราชวังเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยและสง่างาม เป็นเอกลักษณ์แห่งราชวงศ์โมรอคโค บริเวณใกล้เคียงพระราชวังเคยเป็นที่อยู่ของชุมชนชาวยิวที่ทำรายได้ให้แก่ราชวงศ์ เพราะชาวยิวฉลาดทำการค้าเก่งเป็นพ่อค้าผูกขาดการค้าเกลือแต่ปัจจุบันชาวยิวส่วนใหญ่ได้เดินทางกลับไปอยู่ในดินแดนแห่งพันธสัญญา(ประเทศอิสราเอล) คงเหลือประชากรชาวยิวอยู่ไม่มากนัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่เขาวงกตอันซับซ้อนแห่งเมดินาเมืองเฟสผ่านประตู Bab Bou Jeloud ที่สร้างตั้งแต่ปี 1913 ที่ใช้โมเสดสีฟ้าตกแต่ง เดินผ่านเข้าไปในเขตเมดิน่าแล้วเหมือนข้ามกาลเวลาย้อนสู่อดีต นำท่านเดินผ่านตลาดสดขายข้าวปลาอาหาร และผัก ผลไม้สดต่างๆนาๆ ในเขตเมืองเก่าได้แบ่งออกเป็น 100 ส่วน มีซอยกว่า 9,400 ซอย มีซอยแคบสุดคือ 50 ซ.ม. ถึงกว้าง 3 เมตร จะแบ่งเป็นย่านต่างๆ เช่น ย่านเครื่องใช้ทองเหลือง ทองแดง จะมีร้านค้าเล็ก ๆ ที่หน้าร้านจะมีหม้อ กะทะ อุปกรณ์เครื่องครัว วางแขวนห้อยเต็มไปหมด ย่านขายพรมที่วางเรียงรายอย่างสวยงาม ย่านงานเครื่องจักสาน งานแกะสลักไม้ และย่านเครื่องเทศ (Souk El Attarine) ท่านจะได้สัมผัสทั้งรูป รสและกลิ่นในย่านเครื่องเทศที่มีการจัดเรียงสินค้าได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงามระหว่างที่เดินตามทางในเมดิน่าท่านจะได้พบกับน้ำพุธรรมชาติ(Nejjarine Fountain) เพื่อให้ชาวมุสลิมให้ล้างหน้าล้างมือก่อนเข้าในบริเวณมัสยิด นอกจากนี้ที่ตามซอกมุมอาจเห็นภาพชายสูงอายุหนวดเครารุงรังนั่งแกะสลักไม้ชิ้นเล็กๆอยู่บริเวณตามทางเดินแคบๆในเขตเมืองเก่าบางทีเราก็ยังจะเห็นผู้หญิงที่นี่สวมเสื้อผ้าที่ปิดตั้งแต่หัวจนถึงเท้าจะเห็นได้ก็เฉพาะตาดำอันคมกริบเท่านั้น แวะชมสุสานของกษัตริย์ มูเล ไอดริสที่2 (Moulay Idriss Mausolem II) ที่ชาวโมรอคโคถือว่าเป็นแหล่งมาแสวงบุญที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยชายชาวมุสลิมจะมาขอพรก่อนการเข้าสุหนัตและหญิงสาวชาวมุสลิมมักจะมาขอพรเพื่อให้ได้บุตร ชมสุเหร่าใหญ่ไคเราวีน (Kairaouine Mosque)ซึ่งเป็นทั้งมหาวิทยาลัยสอนศาสนาแห่งแรกของโมรอคโคและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว (เฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น)
ชมย่านเครื่องหนังและแวะชม บ่อฟอกและย้อมสีหนังแบบโบราณประจำเมืองเฟส (Chouara Tannery) ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองเฟส ถูกอนุรักษ์โดยองค์กรยูเนสโก้ เมืองเฟส จึงเป็นสถานที่ไม่ควรพลาดในการมาเยือนอย่างยิ่ง
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านชม เมเดอร์ซา บูอิมาเนีย (Merdersa Bou Imania) ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนพระคัมภีร์ มีสถาปัตยกรรมแบบมัวร์ที่สวยงามประณีต ชมร้านทองเหลือง ซึ่งช่างฝีมือที่ทำทองเหลืองเป็นช่างที่ได้รับการถ่ายทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ หลายชั่วอายุคน ในอดีตช่างฝีมือ และ ช่างหัตถกรรมเหล่านี้ได้สร้างสรรค์ผลงานอันวิจิตรงดงามในแคว้น อัล อันดาลูซ ประเทศสเปนเมื่อครั้งที่ชาวโมรอคคันเบอร์เบอร์ปกครองแคว้น อัล อันดาลูซ ของสเปน และชมการผลิตโมเสค (Mosaic) และเครื่องใช้ที่ทำจากเซรามิค
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ที่โรงแรม
พักที่ โรงแรม LES MERINIDS HOTEL ระดับ 5* หรือเทียบเท่า
*** คืนนี้ กรุณาจัดเตรียมเสื้อผ้า และของใช้จำเป็น ใส่กระเป๋าเล็ก เพื่อใช้ในการค้างแรมในทะเลทรายซาฮาร่า ในคืนพรุ่งนี้ ***
วันที่ห้า | เฟส (Fes) – อิเฟรน (Ifrane) - มิเดลท์(Midelt) – แอร์ฟูด์ (Erfoud) – เมอร์ซูก้า(Merzouga) | B3 | L4 | D4 |
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์
นำท่านสู่จุดชมวิวเมืองเฟส ชมบรรยากาศเมืองเฟสจากที่สูง เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศโมร็อคโค มีประชากรราว 1 ล้านคน เมืองที่ได้รับการขนานนามว่า "มักกะฮ์แห่งตะวันตก" และ "เอเธนส์แห่งแอฟริกา"
นำท่านเดินทางสู่ เมืองอิเฟรน (Ifrane) (ระยะทาง 70 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชม.)
อิเฟรน (Ifrane) เป็นเมืองพักตากอากาศบนความสูงกว่า 1,650 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งในอดีตฝรั่งเศสได้มาสร้างเมืองขึ้นบริเวณนี้ เป็นสถานที่พักผ่อนทั้งฤดูหนาวและฤดูร้อน บ้างก็เรียกเมืองอิเฟรนว่า เจนีวาแห่งโมรอคโค หรือ “สวิตเซอร์แลนด์แห่งโมรอคโค” บ้านส่วนใหญ่มีหลังคาสีแดง มีดอกไม้ และทะเลสาบสวยงาม นำท่านเดินเล่นภายในเมืองและเก็บภาพบรรายากาศอันสวยงามอีกแห่งของโมรอคโค ถ่ายรูปกับอนุสรณ์สิงห์โตหิน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนสิงห์โตตัวสุดท้ายที่ถูกล่าจนหมดไปจากเทือกเขาแห่งนี้ จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่เมือง มิเดลท์ (Midelt)
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่ายนำท่านเดินทางสู่เมืองเมอร์ซูก้า (Merzouga) เมืองในทะเลทรายซาฮาร่า (ระยะทาง 268 กม). ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.)
ผ่านเมือง เออราชิดิยา (Errachidia) เมืองที่มีความสำคัญทางด้านยุทธศาสตร์ ซึ่งอยู่ใกล้กับพรมแดนของประเทศแอลจีเรีย เดินทางสู่เมืองเอร์ฟูด์ (Erfoud) เมืองที่เคยเป็นศูนย์กลางกองคาราวานพ่อค้าที่เดินทางมาจากทางตะวันออกกลางอย่างซาอุดิอารเบียและซูดานในแอฟริกา
นำท่านพร้อมสัมภาระ(ใบเล็ก) เดินทางโดยรถ 4x4 เข้าสู่ทะลทรายซาฮารา เมอร์ซูก้า (Merzouga) (ระยะทาง 54 ก.ม. ใช้เวลา 45 นาที) ผ่านภูเขาหิน ที่เต็มไปด้วยซากฟอสซิล ของหอย และ แมงกะพรุนโบราณ ในอดีต เมื่อประมาณ 350 ล้านปีก่อน ดินแดนแห่งนี้เคยอยู่ใต้ท้องทะเลต่อมาเมื่อแผ่นดินผุดขึ้นมา จึงเกิดซากฟอสซิลขึ้นมากมาย
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ที่เมอร์ซูก้า
พัก ลักซูรี่เต๊นท์ (มีห้องน้ำในตัว) ในทะเลทรายซาฮาร่า
*** เชิญท่าน เพลิดเพลินกับบรรยากาศของทะเลทรายซาฮาร่า ยามคํ่าคืน และ ชมดวงดาวบนท้องฟ้า ***
วันที่หก | เมอร์ซูก้า (Merzouga) - ทินเฮียร์ (Tinerhir) – ทอดร้ากอร์จ(Todra Gorge)- วอซาเซท(Ouarzazate) | B4 | L5 | D5 |
เช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นนำท่านขี่อูฐชมเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เนินทรายในทะเลทรายซาฮาร่า (ขี่อูฐ ท่านละ 1 ตัว)
ทะเลทรายซาฮาร่า (SAHARA DESERT) เป็นทะเลทรายที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ที่สุดในโลกคือ มีเนื้อที่ประมาณ 9.3 ล้านตารางกิโลเมตร (ใหญ่เท่าอเมริกาทั้งประเทศ) และตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา ทะเลทรายซาฮาร่ามีสิ่งแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการดำรงอยู่ของชีวิตมนุษย์ สัตว์ หรือพืช เพราะฝนตกน้อยมาก และพื้นที่ไม่เหมาะแก่การเพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์ หากมีสัตว์และพืชพันธุ์ใดที่สามารถเติบโตในทะเลทรายได้ ก็ต้องปรับตัวกันอย่างมาก เช่นเดียวกับมนุษย์ที่ต้องหาวิธีในการใช้ชีวิตให้อยู่รอดได้ ให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้าในทะเลทรายซาฮาร่า จากสภาพการไร้ฝนและอุณหภูมิที่ร้อนจัดในทะเลทรายมีผลทำให้ความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศเหนือทะเลทราย เกือบเป็นศูนย์ตลอดปี ชมพระอาทิตย์ขึ้นจากบนเนินทราย ซึ่งเป็นภาพที่สวยงาม น่าประทับใจ ได้เวลานำท่านขี่อูฐกลับสู่โรงแรมที่พัก
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์
นำคณะนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อ 4x4 (4WD) ออกจากทะเลทรายซาฮาร่า มุ่งหน้าสู่เมืองเอร์ฟูด์(Erfoud) เพื่อเปลี่ยนเป็นรถโค้ช เดินทางสู่เมืองทินเฮียร์ แวะชมโอเอซิส Tinerhir ซึ่งเป็นชุมชนที่เกาะกลุ่มอยู่รวมกัน ท่ามกลางความแห้งแล้งในเขตทะเลทราย ที่ยังมีความชุ่มชื้น มีตาน้ำ หรือ ลำธารน้ำ ซึ่งใช้ในการปลูก ต้นปาล์ม ต้นอัลมอนด์ โอเอซิสแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของกองทหารที่เดินทางมาจากเมืองวอซาเซท ผ่านหุบเขาดาเดดส์ (Dades) ซึ่งเป็นแนวเขาและธรรมชาติของหุบเขาที่ถูกกัดกร่อนจากแรงลม ทำให้หุบเขากลายเป็นรูปร่างต่างๆ สวยงาม จากนั้นเดินทางสู่ทอดร้ากอร์จ (Todra Gorge) โกรกธารที่มีโขดผาสูง 985 ฟุต หรือ 300 เมตร ทั้งสองด้านที่เกือบตั้งทำมุมสามเหลี่ยมกับแม่น้ำโทดร้า ถือว่าเป็นโกรกธารและหุบเขาที่สวยที่สุดทางใต้ของโมรอคโค ชมความงดงามของช่องเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในโอเอซิส โดยมี ลำน้ำใส ๆ ที่ไหลผ่านช่องเขากับหน้าผาสูงชันแปลกตา สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งปีนหน้าผาสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักการเสี่ยงภัย
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย เดินทางสู่เมืองวอซาเซท (Ouarzazate) เคยเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ ในปี ค.ศ. 1928 ฝรั่งเศสได้ตั้งกองกำลังทหารและพัฒนาที่นี่ให้เป็นศูนย์กลางการบริหาร วอซาเซทเป็นเมืองที่ถูกส่งเสริมให้เป็นเมืองท่องเที่ยวแวดล้อมไปด้วยสตูดิโอภาพยนตร์ และมีการพัฒนาพื้นที่ในทะเลทรายเพื่อการทำกิจกรรมต่างๆ เช่นการขี่มอเตอร์ไซด์ อูฐ กิจกรรมผจญภัยกลางทะเลทราย (สำหรับในฤดูหนาว – ฤดูใบไม้ผลิ (พ.ย.– เม.ย.)) ควรเตรียมเสื้อกันหนาวให้เพียงพอ เพราะเมืองนี้อยู่ใกล้ภูเขา แอตลาส ที่มีหิมะปกคลุมในช่วงดังกล่าว
เมืองวอซาเซท อาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวที่มองหาความแตกต่าง และความผจญภัยที่หาไม่ได้จากที่ไหน วอซาเซทเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดของทางตอนใต้ และที่นี่ยังเป็นทางเชื่อมระหว่างเหนือกับใต้ และตะวันออกกับตะวันตก สำหรับนักท่องเที่ยวบางคนที่ชอบรสชาติของความเป็นทางใต้ ณ แห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจเมืองต่างๆได้ทุกวัน ก่อนถึงเมืองซอซาเซท แวะชมผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกุหลาบที่เมือง มากูน่า (M’Gouna) (เทศกาลกุหลาบจะจัดขึ้นประมาณเดือนพฤษภาคม)
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ที่โรงแรม
พักที่ โรงแรม KARAM PALACE HOTEL ระดับ 4* หรือเทียบเท่า
วันที่เจ็ด | วอซาเซท(Ouarzazate) – มาราเกช (Marakech) | B5 |
L6 |
D6 |
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์
นำชมป้อมทาอูเริท (Kasbah Taourirt) พระราชวังของผู้ปกครองมาราเกซ ตระกูล กลาวี (Glaoui Palace) เป็นป้อม ดิน หรือ วังที่สร้างจากดิน ซึ่งภายในประกอบด้วยห้องหับต่างๆจำนวนมากรวมถึงฮาเร็ม และที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยทางเล็กๆอยู่ภายใน ในห้องต่าง ๆ ยังมีลวดลายผนังอาคารและรูปแบบสถาปัตยกรรมอันหลากหลายของการสร้างอาคารของชาวเบอร์เบอร์ การออกแบบอาคารซึ่งเหมาะกับความเชื่อและความเป็นอยู่ของเหล่าเจ้าผู้ปกครอง ในป้อมทาอูเริทนี้ในอดีตมีคนงานและคนรับใช้จำนวนหลายร้อยคนจึงต้องมีห้องเป็นจำนวนมาก มีทั้งส่วนที่เป็นวังเก่า ห้องนั่งเล่น ห้องรับรอง บางห้องก็ว่างเปล่า ยูเนสโก้ได้ปฏิสังขรณ์ขึ้นมาจากอาคารเดิมเพียง 1 ใน 3 ของอาคารทั้งหมด
จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ แอตลาส สตูดิโอ (ATLAS STUDIO) (ระยะทาง 5 กม. ใช้เวลาเดินทาง 10 นาที)
ATLAS STUDIO เป็นดินแดนมหัศจรรย์แห่งโลกภาพยนตร์ หรือที่เรียกกันว่า ฮอลลีวู้ด แห่งโมรอคโค เป็นสตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ตั้งอยู่บนทะเลทรายกินพื้นที่มากกว่า 30,000 ตารางเมตร ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1983 โดย Mohamed Belghmi ผลิตภาพยนตร์HOLLYWOOD และซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จมากมาย เช่น The Mummy, Star Wars, Gladiator, Babel, Ben-Hur หรือแม้แต่หนังฟอร์มยักษ์เรื่องล่าสุดอย่าง Batman Vs. Superman: Dawn of Justice ก็ผลิตและถ่ายทำที่นี่
จากนั้นเดินทางสู่เมืองไอท์ เบนฮาดดู (Ait Benhaddou) ชมเมืองไอท์ เบนฮาดดู เป็นเมืองที่อาคารต่าง ๆสร้างจากดิน เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องการหารายได้จากกองถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 20 เรื่อง โดยเฉพาะป้อมดินที่งดงามและมีความใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของโมรอคโค คือ ป้อมไอท์ เบนฮาดดู (Kasbash of Ait Ben Hadou) เป็นป้อมดินซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสวนอัลมอนด์ เป็นปราสาทที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนต์หลายเรื่องที่โด่งดังอาทิ Lawrance of Arabia , Jesus of Nazareth และ Gladiator ปัจจุบันอยู่ในความดูแลขององค์การยูเนสโก้
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย เดินทางสู่เมืองมาราเกช (Marakesh) โดยข้ามส่วนที่สูงที่สุดของเทือกเขาแอตลาส ระหว่างทาง แวะถ่ายภาพทิวเขาและภาพถนนที่คดเคี้ยวบนเทือกเขาแอตลาส แวะชมสหกรณ์แม่บ้านเบอร์เบอร์ ซึ่งเป็นแหล่งผิลต น้ำมันอาร์กัน (Argan Oil) ให้ท่านได้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาร์กันที่มีเชื่อเสียงอันที่รู้จักไปทั่วโลก จากนั้นเดินทางต่อสู่เมือง มาราเกช (Marakesh) เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่ตั้งอยู่เชิงเขาแอตลาส ในอดีตเมืองโอเอซิสแห่งนี้เป็นที่พักของกองคาราวานอูฐที่มาจากทางตอนใต้ของโมรอคโค ถือเป็นเมืองชุมทางของพ่อค้าต่างๆที่นำสินค้าจากทางตอนใต้ ไปขายยังยุโรป และ นำสินค้าจากทางเหนือ ผ่านเทือกเขา ไฮแลตลาส ไปยังทะเลทราย ซาฮาร่า ไปยังตอนใต้ นอกจากนี้ เมืองมาราเกช ยังเป็นอดีตเมืองหลวงในช่วงหลายราชวงส์ เริ่มตั้งแต่สมัยราชวงศ์อัลโมราวิด ช่วงศ.ต.ที่ 11 ราชวงศ์อัลโมฮัด และ ราชวงศ์ซาเตียน
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ
พักที่ KENZI MENERA PALACE HOTEL ระดับ 5* หรือเทียบเท่า
วันที่แปด |
มาราเกช (Marakech) | B6 | L7 | D7 |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม | |||
ชมสุเหร่า คูโตเบีย (Kutobia Mosque) เป็นสุเหร่า ที่มีหอคอยสูง ถึง 70 เมตร สร้างในสมัยราชวงศ์ อัลโมฮัด ซึ่งเป็นหอคอย 1 ใน สามพี่น้อง เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ถึงความยิ่งใหญ่ ในสมัยราชวงศ์นี้ ชมซากสุเหร่าซึ่งเป็นอนุสรณ์ แห่งความขัดแย้งของ 2 ลัทธิ ซึ่งมีมาในอดีตนำท่านไปชมสวนจาร์ดีน มาจอแรล (Jardin Majorelle) หรือ สวนยิปแซงลอเร้นซ์ (Yves Saint Laurent Gardens) ชื่อนี้เป็นที่คุ้นเคยของสาวๆ ที่ชื่นชอบแฟชั่นสุดหรูของ Yves St. Laurent นักออกแบบแฟชั่นดีไซน์แห่งปารีส ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ออกแบบสวนแห่งนี้ ในช่วงที่โมรอคโคตกเป็นอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส ยิปแซงลอเร้นซ์มาที่ประเทศโมรอคโค เพื่อพักผ่อนหลังจากเคร่งเครียดจากงานออกแบบแฟชั่นโชว์ บ้านหลังนี้เคยเป็นของเศรษฐีแห่งมาราเกช หลังจากยิปแซงมาเยือนมาราเกช ก็ได้เกิดความหลงใหลในเมืองแห่งนี้ และซื้อบ้านหลังนี้ไว้เป็นที่พักผ่อน ชมสวนที่ถูกออกแบบโดยใช้ที่สดใส ฉูดฉาด เช่นสีน้ำเงิน และสีส้ม เป็นองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเสา แจกัน และชมการจัดวางพรรณไม้อันหลากหลาย แห่งทะเลทราย ที่จัดได้อย่างสวยงามและลง นำท่าน สัมผัสประสบการณ์ย้อนอดีต สู่ยุคโบราณ นั่งรถม้า ชมเมืองมาราเกช เมืองที่ผู้มีชื่อเสียงจากทั่วโลก ต้องการมาอยู่ ณ เมืองแห่งนี้ ปัจจุบัน มาราเกช เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด สภาพบ้านเมืองที่เราเห็นได้คือ สองข้างทางแวดล้อมด้วยบ้านเรือนที่ถูกฉาบด้วยปูนสีส้มๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่คนท้องถิ่นจะเรียกว่า Pink City หรือ เมืองสีชมพู อาจกล่าวได้ว่ามาราเกชเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง จึงได้สมญานามว่าเป็น A city of Drama นั่นคือมีความสวยงามดั่งเมืองในละครที่ไม่น่าเป็นชีวิตจริงได้ |
||||
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน เณ ภัตตาคาร | |||
นำท่านชม พระราชวังบาเฮีย (Bahia Palace) เป็นพระราชวังของท่านมหาอำมาตย์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนยุวกษัตริย์ในอดีต สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดย Si Moussa สถาปัตยกรรมออกเป็นแนวสมัยใหม่ โดยที่ตั้งใจจะให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในสมัยนั้น สร้างขึ้นและตั้งชื่อวังตามชื่อของภรรยาคือ นางบาเฮีย ซี่งมีรูปโฉมที่งดงาม เป็นที่รักใคร่ยิ่งของท่านมหาอำมาตย์ พระราชวังแห่งนี้มีการตกแต่งโดยการแกะสลักปูนปั้น (Stucco) บนเพดานและบานประตูมีการวาดลายโดยใช้สีธรรมชาติบนไม้สนซีดาร์ และผนังประดับประดาด้วยโมเสกเป็นลวดลายที่สวยงามละเอียดอ่อนมาก ชมสวนในบ้านซึ่งเป็นสไตล์ริยาด (Riad) ประกอบไปด้วยลานกลางบ้าน ซึ่งประดับด้วยน้ำพุ และสวนไม้ดอก ไม้ประดับ ตามสไตล์การแต่งบ้านแบบโมรอคโค นำท่านเยือน จัตุรัสกลางเมือง Djemaa El Fnaa Square *** ตลาดแห่งนี้ จะคึกคัก หลังพระอาทิตย์ ตกเดิน *** เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยอาคาร ร้านค้า ตลาด ทั้ง 4 ด้าน เดินเล่นถ่ายรูปความมีชีวิตชีวา ที่มีสีสันและกลิ่นอายแบบโมรอคโคขนานแท้ พร้อมจับจ่ายหาซื้อของฝาก ของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆ ได้ที่ ตลาดเก่า (Old Market) ที่อยู่รายรอบจัตุรัสอย่างเพลิดเพลิน |
||||
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ เพื่อสุขภาพ | |||
พักโรงแรม KENZI MENERA PALACE HOTEL ระดับ 5* หรือเทียบเท่า |
วันที่เก้า |
มาราเกช (Marakech) – เอซาเวร่า (Essaouira) | B7 | L8 | D8 |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์ | |||
นำท่านเดินทางสู่เมืองมรดกโลก เอซาเวร่า (Essaouira) คำว่า เอซาเวร่า หมายถึงรูปภาพ ไม่ว่าจะถ่ายจากมุมไหนๆ ภาพที่ได้มานั้นจะออกมาสวยอย่างไม่มีที่ติ เอซาเวร่า เป็นเมืองเล็กๆ ริมขอบมหาสมุทรแอตแลนติก ที่มีเสน่ห์อย่างเป็นเอกลักษณ์ ในเขตเมืองเก่า (เมดิน่า) มีกำแพงเมืองเก่าขนาดหนาซ้อนกัน 2 ชั้น ที่ใช้ป้องกันพายุหน้าร้อนที่พัดมาประจำทุกปีบ้านเรือนและร้านค้าภายในเขตกำแพงเมืองทำด้วยปูนสีขาวกลมกลืนไปกับประตูสีฟ้าสถาปัตยกรรมเหล่านี้ถูกหล่อหลอมมาจากวัฒนธรรมอันหลากหลาย ครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นแหล่งที่อยู่ของพ่อค้าชาวยิวและชาวยิวกลุ่มนี้เองที่เคยเปลี่ยนเมืองนี้เป็นเมืองที่มั่งคั่งที่สุดของโมรอคโคในศตวรรษที่ 17 และ 18 | ||||
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน เณ ภัตตาคาร | |||
นำท่านชม ป้อมปราการเมือง (Skala de laville) ซึ่งเป็นป้อมปราการที่ใหญ่ และ แข็งแรง ใช้ปกป้องเมือง หรือ เมดิน่า (Medina) เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของเมือง ส่วนบนป้อมสกาล่าแห่งนี้ มีปืนใหญ่วางเรียงรายอยู่เป็นแนวแถว และในอดีตส่วนล่างของป้อมใช้เป็นคลังเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ โรงม้าศึกที่ใช้ในการสงคราม ให้ท่านได้เพลิดชมกับการเดินชมเมืองเก่า หรือ ที่เรียกกันว่า เมดิน่า (Medina) ชมวิถีความเป็นอยู่ของชาวเมืองในเขตเมืองเก่า จับจ่าย ช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมือง สินค้าที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ ประจำเมือง เอซาเวร่า (Essaouira) แห่งนี้ เป็นผลิตภัณฑ์ ที่ทำมาจากไม้ นำมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ ตู้กล หรือ กล่องเก็บของที่มีเครื่องกล ที่ออกแบบมาด้วยความสลับซับซ้อน บรรยากาศของเมดิน่าแห่งนี้ เต็มไปด้วยร้านกาแฟ ที่เป็นเอกลักษณ์ ท่านสามารถนั่งดื่ม ชา กาแฟ ชมวิถีคนเมือง อีกทั้งจัตุรัสของเมืองเอซาเวร่า เป็นแหล่งรวมอาหารทะเล สด ๆ จากมหาสมุทรแอตแลนติค ที่มีให้ท่านเลือกซื้อรับประทาน ไม่ว่าจะเป็น กุ้งล็อบสเตอร์ ตัวใหญ่ หรือ ปูยักษ์ ปลาสด ๆ ในราคาที่ไม่แพง พอช่วงเย็น ๆ ชมพระอาทิตย์ตก ณ ชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก เคล้ากับกลิ่นอายของทะเล ซึ่งให้บรรยากาศสุดแสนโรแมนติค |
||||
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ | |||
พักที่ โรงแรม Atlas Essaouira Hotel ระดับ 5* หรือเทียบเท่า |
วันที่สิบ |
เอซาเวร่า (Essaouira)– เอล จาดีด้า (El Jadida) คาซาบลังกา(Casablanca) | B8 | L9 | D9 |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์ | |||
นำเดินทางสู่เมืองเอล จาดีด้า เดิมชื่อ มาซากัน (Mazagan) เป็นภาษาโปรตุเกส เป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนอ่าวชายฝั่งทะเลแอตแลนติค เคยเป็นเมืองท่าที่สำคัญของโมรอคโคที่ทำการค้ากับชาวฟินีเชียน ต่อมาปี ค.ศ. 1502 ชาวโปรตุเกสขึ้นฝั่งที่นี่และได้สร้างป้อมปราการ เรียกว่า El Brijia El Jaida หลังจากมีการสร้างเมืองขึ้นในปี ค.ศ. 1506 ได้เรียกเมืองว่ามาซากัน ซึ่งกลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญของชาวโปรตุเกส ในปี ค.ศ.1562 ป้อมถูกโจมตีโดยโดยชาวอาหรับหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ ระหว่างค.ศ.1580 - 1640 ตกอยู่ภายใต้การปกครองของชาวสเปน และกลับมาถูกปกครองโดยชาวโปรตุเกสอีกครั้ง ชมสถาปัตยกรรมที่แสดงให้เห็นถึงการแลกเปลี่ยนอิทธิพลระหว่างวัฒนธรรมยุโรปและโมรอคโค ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2004 | ||||
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน เณ ภัตตาคาร | |||
นำชมอ่างเก็บน้ำใต้ดินที่ใช้หล่อเลี้ยงผู้คนในเมือง เอล จาดีด้า และเมืองนี้ยังมีท่าเรือที่เป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจหาดินแดนใหม่ ๆ โดยได้เดินทางไปสำรวจยังประเทศบราซิลในอเมริกาใต้ และสำรวจมาถึงประเทศอินเดีย อีกด้วย เดินทางสู่ 'คาซาบลังก้า' (ระยะทาง 95 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.40 ชม.) อิสระให้ท่านช้อปปิ้งที่ห้าง Morocco Mall เป็นห้างที่บรรดาไฮโซ และเศรษฐี ในคาซาบลังก้า นิยมมาจับจ่าย ซื้อสินค้าแบรนด์ดัง |
||||
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ | |||
พักที่ โรงแรม KENZI TOWER HOTEL ระดับ 5* หรือเทียบเท่า |
วันที่สิบเอ็ด |
คาซาบลังกา(Casablanca) – อาบูดาบี (Abu Dhabi) – กรุงเทพฯ (Bangkok) | B9 | L10 | D- |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์ | |||
นำท่านชม สุเหร่ากษัตริย์ฮัสซันที่ 2 (HASSAN II MOSQUE) สุเหร่า ฮัสซันที่ 2 เริ่มสร้างเมืองปี ค.ศ. 1980 สร้างเสร็จสมบูรณ์ใน ค.ศ. 1993 ในวาระเฉลิมฉลองพระชนมายุครบ 60 พรรษาของกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 ซึ่งเป็น พระบิดาของกษัตริย์ โมฮัมหมัดที่6 (กษัตริย์ องค์ปัจจุบัน) เป็นสุเหร่าที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเมืองเมกกะ สามารถจุผู้คนที่มาประกอบพิธีได้ 25,000 คน ภายนอกสุเหร่าอีก 55,000 คน ชมความงดงามประณีตด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมรอคโคทุกแขนง อิสระชมวิวรอบๆภายนอกสุเหร่าริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติค ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนที่สวยงามของชาวโมรอคโค ที่ชอบมาเดินเล่นหลังจากปฏิบัติศาสนกิจเสร็จแล้ว | ||||
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน เณ ภัตตาคาร | |||
นำท่าน เดินทางสูเมืองราบัต ชมเมืองราบัต เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรโมรอคโค ตั้งแต่ปีค.ศ.1956 เมื่อโมรอคโคหลุดพ้นจากการเข้าแทรกแซงทางการเมืองของฝรั่งเศส เป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวง และทำเนียบทูตานุทูตจากต่างแดน เป็นเมืองสีขาวที่สะอาดและสวยงาม จากนั้น ชมสุเหร่าหลวง และ พระราชวังหลวง ที่ทุกเที่ยงวันศุกร์ กษัตริย์แห่งโมรอคโคจะทรงม้าจากพระราชวังมายังสุเหร่า เพื่อประกอบศาสนกิจ ชมสุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5 พระอัยกา(ปู่) ของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ซึ่งมีทหารยามยืนเฝ้าสง่าทุกประตูและเปิดให้คนทุกชาติทุกศาสนาเข้าไปเคารพพระศพที่ฝังอยู่เบื้องล่าง ด้านหน้าของสุสาน คือสุเหร่าฮัสซันที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 แต่ไม่สำเร็จ และพังลงจนเหลือแต่เพียงเสาไว้ 365 ต้น ในบริเวณกว้าง 183x139 เมตร | ||||
11.00 น. | นำท่านเดินทางสู่สนามบินนานาชาติเมืองคาซาบลังก้า | |||
14.05 น. | บินสู่โดฮา (Doha) โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส ( Codeshare ) รอยัลแอร์มาร็อค เที่ยวบินที่ AT / QR4566 CMN DOH 14.05 – 23.35 (7.30 ชม.) |
วันที่สิบสอง | โดฮา (Doha) - กรุงเทพฯ (Bangkok) | B- | L- | D- |
01.10 น. | เดินทางต่อสู่เมืองไทย โดยสายการบินกาตาร์ แอร์ เที่ยวบินที่ QR834 DOH BKK 01.10 – 12.20 (7.10 ชม.) | |||
12.20 น. | คณะเดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยความสวัสดิภาพ |
กรุณากรอกข้อความ...
แกรนด์โมรอคโค 12 วัน 9 คืน โดยกาตาร์ แอร์เวย์ส (QR)
พักโรงแรม 5 ดาว เมืองหลวงเก่าเฟส 2 คืน เมืองมาราเกช 2 คืน
พักลักซูรี่แคมป์ ในทะเลทรายซาฮาร่า 1 คืน
GRAND MOROCCO 12 DAYS 9 NIGHTS BY QATAR AIRWAYS
► บินเข้า คาซาบลังก้า เช้า (07.30 น.)
► ออกจาก คาซาบลังก้า บ่าย(14.05 น.)
ปี 2567 | กำหนดการเดินทาง | ระดับที่พัก | พักห้องคู่ |
พักห้องเดี่ยวจ่ายเพิ่มท่านละ |
เด็ก 3 – 11 ปี พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน |
มกราคม | วันที่ 9 – 20 ม.ค. 67 | 4 – 5 ดาว | 115,900.- | 22,500.- | 89,500.- |
กุมภาพันธ์ | วันที่ 6 – 17 ก.พ. 67 วันที่ 17 – 28 ก.พ. 67 |
4 – 5 ดาว | 115,900.- | 22,500.- | 89,500.- |
มีนาคม |
วันที่ 1 – 12 มี.ค. 67 |
4 – 5 ดาว | 115,900.- | 22,500.- | 89,500.- |
เมษายน | วันที่ 5 – 16 เม.ย. 67 (สงกรานต์) วันที่ 11 – 22 เม.ย. 67 (สงกรานต์) |
4 – 5 ดาว | 124,900.- | 25,400.- | 98,500.- |
เมษายน | วันที่ 20 เม.ย. – 1 พฤษภาคม 67 | 4 – 5 ดาว | 115,900.- | 22,500.- | 89,500.- |
พฤษภาคม | วันที่ 1 – 12 พ.ค. 67 วันที่ 17 – 28 พ.ค. 67 |
4 – 5 ดาว | 115,900.- | 22,500.- | 89,500.- |
มิถุนายน | วันที่ 1 – 12 มิ.ย. 67 วันที่ 14 – 25 มิ.ย. 67 |
4 – 5 ดาว | 115,900.- | 22,500.- | 89,500.- |
กันยายน | วันที่ 20 ก.ย. – 1 ต.ค. 67 | 4 – 5 ดาว | 115,900.- | 22,500.- | 89,500.- |
ตุลาคม | วันที่ 4 – 15 ต.ค. 67 วันที่ 18 – 29 ต.ค. 67 |
4 – 5 ดาว | 115,900.- | 22,500.- | 89,500.- |
พฤศจิกายน | วันที่ 1 – 12 พ.ย. 67 วันที่ 15 – 26 ต.ค. 67 |
4 – 5 ดาว | 115,900.- | 20,500.- | 89,500.- |
ธันวาคม | วันที่ 4 – 15 ธ.ค. 67 | 4 – 5 ดาว | 115,900.- | 20,500.- | 89,500.- |
ธันวาคม | วันที่ 21 ธ.ค. 67 – 1 ม.ค. 68 (ปีใหม่) วันที่ 25 ธ.ค. 67 - 5 ม.ค. 68 (ปีใหม่) |
4 – 5 ดาว | 132,900.- | 29,800.- | 112,400.- |
อัพเกรดชั้นบิสเนสคลาส เพิ่มท่านละ (เริ่มต้นที่) 120,000 .- บาท |
อัตรานี้รวม
♦ โรงแรม ที่พัก ระดับ 4 ดาว / 5 ดาว ตามรายการ
♦ ค่าอาหารทุกมื้อ ที่ระบุในรายการทัวร์ และ น้ำดื่มบนรถ ระหว่างทัวร์ ไม่อั้น
♦ ค่าวีซ่าประเทศโมรอคโค
♦ ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ที่ระบุในรายการทัวร์
♦ ค่ารถนำเที่ยวปรับอากาศ และ รถ 4X4 (4WD) สู่ทะเลทรายซาฮาร่า
♦ บริการไกด์ท้องถิ่นประเทศโมรอคโค ภาษาอังกฤษ และหัวหน้าทัวร์คนไทย กรณีกรุ๊ป 20 ท่านขึ้นไป
♦ ค่าประกันภัยการเดินทาง คุ้มครองอุบัติเหตุ หนึ่งล้าน บาท ค่ารักษาพยาบาล 500,000 บาท ( สำหรับอายุ 70 ปีขึ้นไป คุ้มครอง 50%)
♦ ค่าขี่อูฐ ท่านละ 1 ตัว ชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า (หากท่านไม่ประสงค์จะขี่อูฐ ไม่สามารถคืนเงินได้)
อัตรานี้ไม่รวม
► ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอาทิ ค่าซักรีด, โทรศัพท์-แฟกซ์, เครื่องดื่มมินิบาร์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่ได้ระบุในรายการ
► ค่าทิปหัวหน้าทัวร์คนไทย ท่านละ 1,400 บาท (โดยค่าทิปจะขอเรียกเก็บ พร้อม invoice ยอดเต็ม)
► ค่าทิปไกด์ท้องถิ่น – คนขับรถบัส – คนขับรถ 4WD – คนจูงอูฐ รวมทั้งหมด 76 USD ต่อท่าน (โดยค่าทิปจะขอเรียกเก็บ พร้อม invoice ยอดเต็ม)
► ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3 %
เงื่อนไขการสำรองที่นั่ง และ การชำระเงิน
1. กรุณาชำระเงินจองงวดแรก 50,000 บาท / ท่าน ไม่เกิน 2 วัน พร้อมส่ง สำเนาหนังสือเดินทาง และส่งมอบเอกสารเพื่อยื่นขอวีซ่าตามที่กำหนด (กรณีเป็นชาวต่างชาติ อาจจะต้องใช้เวลาในการยื่นขอวีซ่านานกว่าปกติ ประมาณ 1 เดือน)
2. ส่วนที่เหลือชำระก่อนการเดินทาง 45 วัน เนื่องจากจะต้องใช้ในการออกตั๋วเครื่องบินและเอกสารต่างๆ เพื่อยืนยันการเดินทาง ในการประกอบการพิจารณาวีซ่าของทางสถานทูต
***** เมื่อท่านจองทัวร์ และ ชำระมัดจำแล้ว หมายถึงท่านยอมรับในข้อความและเงื่อนไขที่บริษัทฯแจ้งแล้ว *****
กรณียกเลิก
ยกเลิก 45 วัน (สงกรานต์-ปีใหม่ 60 วัน) ก่อนการเดินทาง ไม่เก็บค่าใช้จ่าย (หากไม่ได้มีการยื่นวีซ่าล่วงหน้า)
ยกเลิก 30-44 วัน (สงกรานต์-ปีใหม่ 45-59 วัน) ก่อนการเดินทาง หักค่ามัดจำ 50,000 บาท + ค่าวีซ่า (ถ้ามี)
ยกเลิก 26-30 วัน (สงกรานต์-ปีใหม่ 41-44 วัน) ก่อนการเดินทาง หัก 50 % ของราคาทัวร์ + ค่าวีซ่า (ถ้ามี)
ยกเลิก 1- 25 วัน (สงกรานต์-ปีใหม่ 40 วัน) ก่อนการเดินทาง บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินค่าทัวร์เต็มจำนวน 100%
***ผู้เดินทางที่ไม่สามารถเข้า-ออกเมืองได้ เนื่องจากการยื่นเอกสารปลอม หักค่าใช้จ่าย 100% *** หมายเหตุ : คณะส่วนตัว หรือ กรุ๊ปเหมา ไม่สามารถทำการยกเลิกได้ เนื่องจากเป็นคณะที่จัดขึ้นเป็นพิเศษเฉพาะกลุ่ม ต้องชำระเงิน 100 %
***หากมีการยกเลิกการจองทัวร์ หลังได้ทำการยื่นวีซ่าเรียบร้อยแล้ว บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการนำเล่มพาสปอร์ตไปยกเลิกวีซ่าในทุกกรณี ไม่ว่าค่าใช้จ่ายในการยื่นวีซ่าจะรวมหรือแยกจากรายการทัวร์ก็ตาม***
***** เมื่อท่านจองทัวร์ และ ชำระมัดจำแล้ว หมายถึงท่านได้ทำความเข้าใจและยอมรับในข้อความและเงื่อนไขที่บริษัทฯแจ้งแล้วข้างต้น *****
หมายเหต
1. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการเดินทางในกรณีที่มีผู้เดินทาง ต่ำกว่า 15 ท่าน โดยจะแจ้งให้ผู้เดินทางทราบล่วงหน้า อย่างน้อย 20 วัน ก่อนการเดินทาง
2.บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงรายการ หรือเปลี่ยนแปลงราคาได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาวะของสายการบิน, โรงแรมที่พัก, ภูมิอากาศ, ภัยธรรมชาติ, การก่อการร้าย, การนัดหยุดงาน ฯลฯ
3. เมื่อเกิดเหตุจำเป็นสุดวิสัยจนไม่อาจแก้ไขได้ ในกรณีที่สูญหาย สูญเสียหรือได้รับบาดเจ็บที่นอกเหนือความรับผิดชอบของหัวหน้าทัวร์และเหตุสุดวิสัยบางประการ เช่น การนัดหยุดงาน สายการบินล่าช้า ภัยธรรมชาติ การจลาจล ต่างๆ ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ ที่จะไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น
4..เนื่องจากรายการทัวร์นี้เป็นแบบเหมาจ่ายเบ็ดเสร็จ หากท่านสละสิทธิ์การใช้บริการใดๆตามรายการ หรือ ถูกปฏิเสธการเข้าประเทศไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินในทุกกรณี
5. ในกรณีที่ท่านจะใช้หนังสือเดินทางราชการ (เล่มสีน้ำเงิน) เดินทางกับคณะ บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบ หากท่านถูกปฎิเสธการเข้าหรือออกนอกประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะโดยปกตินักท่องเที่ยวใช้หนังสือเดินทางบุคคลธรรมดา เล่มสีเลือดหมู
6. กรณียกเลิกการเดินทางภายหลังจากได้วีซ่าแล้ว ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการแจ้งสถานทูตฯเพื่อให้อยู่ในดุลพินิจของสถานฑูตฯ เรื่องวีซ่าของท่าน เนื่องจากการขอวีซ่าในแต่ละประเทศจะถูกบันทึกไว้เป็นสถิติในนามของบริษัทฯ เมื่อท่านได้ชำระเงินมัดจำหรือทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการชำระผ่านตัวแทนของบริษัทฯ หรือชำระโดยตรงกับทางบริษัทฯ ทางบริษัทฯ จะขอถือว่าท่านรับทราบและยอมรับในเงื่อนไขต่างๆของเอกสารวีซ่า
7. หากสายการบินมีการยกเลิกเที่ยวบินหรือหากมีเหตุการณ์ประการใดที่เกิดขึ้นจากสายการบินทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางประการในทัวร์นี้เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์หน้างานที่เกิดขึ้นจริง
**หมายเหตุ ** กำหนดการเดินทางอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เพื่อความเหมาะสม ทั้งนี้ทางบริษัทฯ จะยึดถือความปลอดภัยเป็นหลัก และรายการ-ราคาทัวร์ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ขึ้นอยู่กับสายการบินโดยจะยึดประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ”
ตั๋วเครื่องบิน
ในการเดินทางเป็นหมู่คณะผู้โดยสารจะต้องเดินทางไป-กลับ หากท่านต้องการเลื่อนวันเดินทางกลับ ท่านจะต้องชำระ ค่าใช้จ่ายส่วนต่างที่สายการบินเรียกเก็บโดยสายการบิน เป็นผู้กำหนด ซึ่งทางบริษัทฯ ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ และในกรณีที่บริษัทได้ออกตั๋วเครื่องบินไปแล้ว หากมีการยกเลิกการเดินทาง (ในกรณีที่ตั๋วเครื่องบินสามารถทำการ Refund ได้เท่านั้น) ผู้เดินทางต้องรอ Refund ตามระบบของสายการบินเท่านั้น
โรงแรม- ห้องพัก – เต๊นท์
ห้องพักในโรงแรมเป็นแบบห้องพักคู่ ( TWN/DBL ) ในกรณีที่ท่านมีความประสงค์จะพักแบบ 3 ท่าน / 3 เตียง ( TRIPLE ROOM ) ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของห้องพักและรูปแบบของห้องพักของแต่ละโรงแรมมักมีความแตกต่างกัน ซึ่งอาจไม่สามารถจัดห้องที่พักแบบ 3 เตียงได้ หรือ อาจจะทำให้ท่านไม่ได้ห้องพักติดกันตามที่ต้องการได้ โรงแรมบางแห่งไม่มีลิฟท์บริการ ภายในห้องพักของโรงแรมบางแห่ง ไม่มีกาต้มน้ำ และ ไม่มีน้ำดื่มไว้บริการ
ในกรณีที่มีการจัดงานประชุม หรืองานเทศกาลตามฤดูกาลเป็นผลให้ค่าโรงแรมสูงขึ้น บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนหรือย้ายเมืองหรือ ปรับเปลี่ยน ประเภทของโรงแรมที่พัก เพื่อให้เกิดความเหมาะสม
ที่พักแบบ ริยาร์ด (RIAD) เป็นที่พักสไตล์โมรอคคัน ซึ่งภายในที่พัก ไม่มีลิฟท์บริการ
ที่พักแบบเต๊นท์ ภายในเต็นท์ ไม่มีเครื่องปรับอากาศ มีเพียงที่นอน หมอน และ ผ้าห่ม ไม่มีห้องน้ำส่วนตัว จะใช้เป็นห้องน้ำรวม
ที่พักแบบลักซูรี่เต๊นท์ ภายในเต็นท์ มีเครื่องนอนครบครัน และ มีห้องน้ำส่วนตัวภายในเต๊นท์ที่พัก
กระเป๋าเล็กถือติดตัวขึ้นเครื่องบิน
กรุณางดนำของมีคม ทุกชนิด ใส่ในกระเป๋าใบเล็กที่จะถือขึ้นเครื่องบิน เช่น มีดพับ กรรไกรตัดเล็บทุกขนาด ตะไบเล็บ เป็นต้น
วัตถุที่เป็นลักษณะของเหลว อาทิ ครีม โลชั่น น้ำหอม ยาสีฟัน เจล สเปรย์ และเหล้า เป็นต้น จะถูกทำการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยจะอนุญาตให้ถือขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 10 ชิ้น ในบรรจุภัณฑ์ละไม่เกิน 100 ml. แล้วใส่รวมเป็นที่เดียวกันในถุงใสพร้อมที่จะสำแดงต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามมาตรการองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ( ICAO )
สำหรับน้ำหนักของกระเป๋าเล็กถือติดตัวขึ้นเครื่องบิน ทางสายการบินอนุญาตให้น้ำหนัก 7 กิโลกรัม
สัมภาระและค่าพนักงานยกสัมภาระ
สำหรับน้ำหนักของสัมภาระที่ทางสายการบินอนุญาตให้โหลดใต้ท้องเครื่องบิน คือ 20-30 กิโลกรัม (สำหรับผู้โดยสารชั้นประหยัด/ Economy Class Passenger ซึ่งขึ้นกับแต่ละสายการบิน) การเรียกเก็บค่าระวางน้ำหนักเพิ่มเป็นสิทธิ์ของสายการบินที่ท่านไม่อาจปฎิเสธได้ หาก น้ำหนักกระเป๋าเดินทางเกินกว่าที่สายการบินกำหนด
*** กระเป๋าใบใหญ่ที่ต้องการโหลดเข้าใต้ท้องเครื่องบิน ห้ามใส่ Power Bank ***
สำหรับกระเป๋าสัมภาระที่ทางสายการบินอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องได้ ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัมและมีความกว้าง ( 9.75 นิ้ว ) + ยาว ( 21.5 นิ้ว ) + สูง ( 18 นิ้ว )
การชดเชยค่ากระเป๋าในกรณีเกิดการสูญหาย
ของมีค่าทุกชนิด ขอแนะนำ ไม่ควรใส่เข้าไปในกระเป๋าใบใหญ่ที่เช็คไปกับเครื่อง เพราะหากกระเป๋าใหญ่เกิดการสูญหาย สายการบินจะรับผิดชอบชดใช้ตามกฎไออาต้าเท่านั้น ซึ่งจะชดใช้ให้ประมาณ กิโลกรัมละ 20 USD คูณด้วยน้ำหนักกระเป๋าจริง ทั้งนี้จะชดเชยไม่เกิน USD 400 กรณีเดินทางชั้นธรรมดา (Economy) หรือ USD 600 กรณีเดินทางชั้นธุรกิจ (Business)
ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้โหลดของมีค่าทุกประเภทลงกระเป๋าใบใหญ่ รวมถึง Powr Bank ด้วย เนื่องจากความปลอดภัย
กรณีกระเป๋าใบใหญ่ หรือ กระเป๋าใบเล็ก (Hand Carry) เกิดการชำรุด หรือสูญหาย ในระหว่างการท่องเที่ยว บริษัทฯ ไม่สามารถรับผิดชอบหรือชดเชยค่าเสียหายให้ท่านได้ ดังนั้นท่านต้องระวังทรัพย์สินส่วนตัวของท่านเอง
***** เมื่อท่านจองทัวร์ และ ชำระมัดจำแล้ว หมายถึงท่านได้ทำความเข้าใจและยอมรับในข้อความและเงื่อนไขที่บริษัทฯแจ้งแล้วข้างต้น *****
จองทัวร์โมรอคโค
อีเมล : u.travel@hotmail.com
โทร. 02-4282114 (คุณเอ แผนกทัวร์โมรอคโค)